กรมปศุสัตว์ (Department of Livestock Development, DLD) เป็นหน่วยงานราชการไทย ประเภทกรม สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมการเลี้ยงสัตว์ ทั้งด้านสุขภาพ การบำบัดโรค การบำรุงพันธุ์ การควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ สถานพยาบาลสัตว์ โรคระบาดสัตว์ การปศุสัตว์ ไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์
องค์กรและโครงสร้าง: กรมปศุสัตว์ดำเนินงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของประเทศไทย มีโครงสร้างเป็นแผนกและสำนักงานหลายแห่ง โดยแต่ละแผนกมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาปศุสัตว์ในด้านต่างๆ รวมถึงสุขภาพสัตว์ การเพาะพันธุ์ โภชนาการ และการตลาด
สุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์: ความรับผิดชอบหลักประการหนึ่งของกรมปศุสัตว์คือการดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพของปศุสัตว์ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการควบคุมและป้องกันโรค บริการด้านสัตวแพทย์ และการดำเนินการตามมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์
การปรับปรุงพันธุ์และการปรับปรุงปศุสัตว์: DLD ทำงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพทางพันธุกรรมของปศุสัตว์ผ่านโครงการปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การผสมเทียม และการย้ายตัวอ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การควบคุมโรคและความปลอดภัยทางชีวภาพ: กรมฯ มีหน้าที่ติดตามและควบคุมโรคในสัตว์ นี่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพของประชากรปศุสัตว์และป้องกันการแพร่กระจายของโรคสู่มนุษย์ (โรคจากสัตว์สู่คน) กรมปศุสัตว์ใช้มาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพและดำเนินโครงการเฝ้าระวังและฉีดวัคซีน
การวิจัยและพัฒนา: DLD ดำเนินการวิจัยในด้านต่างๆ ของการผลิตปศุสัตว์ รวมถึงโภชนาการสัตว์ การผสมพันธุ์ การควบคุมโรค และแนวทางการทำฟาร์มแบบยั่งยืน งานวิจัยนี้สนับสนุนการพัฒนาภาคปศุสัตว์ในประเทศไทย
บริการส่งเสริมและฝึกอบรม: กรมให้บริการฝึกอบรมและส่งเสริมแก่เกษตรกรและผู้ผลิตปศุสัตว์ บริการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้และช่วยเหลือเกษตรกรในการนำแนวทางปฏิบัติในการเลี้ยงปศุสัตว์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาใช้
กฎระเบียบและการพัฒนานโยบาย: กรมปศุสัตว์มีส่วนร่วมในการพัฒนานโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการผลิตปศุสัตว์ การตลาด และการค้า ซึ่งรวมถึงการกำหนดมาตรฐานด้านสุขภาพสัตว์ ความปลอดภัยของอาหาร และการควบคุมคุณภาพ
ความร่วมมือระหว่างประเทศ: DLD มักจะร่วมมือกับองค์กรและหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาภาคปศุสัตว์ รวมถึงการควบคุมโรค การแลกเปลี่ยนทางเทคนิค และการวิจัย
การสนับสนุนเกษตรกรและอุตสาหกรรม: แผนกให้การสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์และอุตสาหกรรม รวมถึงความช่วยเหลือทางการเงิน การเข้าถึงตลาด และบริการข้อมูล
ความยั่งยืนและความห่วงใยด้านสิ่งแวดล้อม: ด้วยความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม DLD ยังมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมแนวทางปฏิบัติในการเลี้ยงปศุสัตว์อย่างยั่งยืนซึ่งจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด
น้ำเชื้อแช่แข็งที่ใช้ในการผสมเทียมโค
ปัจจุบัน การผสมเทียมโคนิยมผสมด้วยน้ำเชื้อแช่แข็ง เพราะว่าสะดวกในการขนส่งและเก็บรักษา สามารถนำน้ำเชื้อไปทำการผสมเทียมได้ทุกแห่ง น้ำเชื้อแช่แข็งที่ผลิตโดยกรมปศุสัตว์ หลอดน้ำเชื้อจะเป็นหลอดขนาดเล็ก (Ministraw) ปริมาตร 0.25 มิลลิลิตร มีตัวอสุจิในหลอดประมาณ 20 - 30 ล้านตัว โดยหลังจากละลายน้ำเชื้อ (Thawing) แล้วจะมีอสุจิที่ยังมีชีวิตไม่น้อยกว่า 40% หรือประมาณ 8 - 12 ล้านต้ว ซึ่งมากพอที่จะเดินทางไปปฏิสนธิกับไข่ได้ น้ำเชื้อแช่แข็งจะเก็บรักษาได้โดยแช่ไนโตรเจนเหลวยตลอดเวลา ไนโตรเจนเหลวจะมีอุณหภูมิ - 196 องศาเซลเซียส
น้ำเชื้อแเช่แข็งจะบรรจุอยู่ในหลอดพลาสติกขนาดเล็ก ซึ่งมีสีต่างๆ กันแล้วแต่พันธุ์ของพ่อโค ข้างหลอดน้ำเชื้อจะพิมพ์ รหัสน้ำเชื้อ วันที่ผลิต สถานที่ผลิต ชื่อพ่อพันธุ์หรือหมายเลขพ่อพันธุ์ และระดับสายเลือดของพ่อพันธุ์ หลอดน้ำเชื้อจะแช่อยู่ในโตรเจนเหลวตลอดเวลา ดังนั้นต้องการใช้งานจะต้องทำการละลาย (Thawing) ก่อนโดยใช้ปากคีบ (Forceps) คีบหลอดน้ำเชื้อที่ต้องการออกจากถังและแช่ในน้ำอุ่นทันที ช่วงเวลาตั้่งแต่คีบหลอดน้ำเชื้อออกจากถังจนแช่ลงในน้ำอุ่น ไม่ควรเกิน 3 วินาที น้ำอุ่นที่ใช้ละลายน้ำเชื้อควรมีอุณหภูมิ 35 - 37 องศาเซลเซียส และแช่น้ำเชื้อในน้ำอุ่นเป็นเวลา 30 วินาที จากนั้นนำหลอดน้ำเชื้อขึ้นมาจากน้ำอุ่นแล้วเช็ดให้แห้งพร้อมที่จะใช้งาน
สำหรับเครื่องพิมพ์ระบบอิ้งเจ็ตท์พริ้นเตอร์อุตสหกรรม ยี่ห้อ Linx รุ่น 8920 จากประเทศอังกฤษ และหมึกพิมพ์ Black Ink, Linx 1010 รองรับความต้องการเบื้องต้นได้อย่างครบถ้วน ซึ่งขบวนการพิมพ์และขั้นตอนการพิมพ์จะเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติหรืออัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับความต้องการ
Comments